Share this page:

อย่าพยายามออกกําลังกายหนักๆ ทุกวัน มันเป็นอันตรายมากกว่าส่งผลดี!

ถ้าคุณออกกำลังกายแบบจัดเต็มแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม งั้นคุณก็คงเข้าสู่ช่วงหยุดพัฒนาแล้วล่ะ ใจเย็นก่อน มันไม่ใช่อะไรที่ต้องมาหงุดหงิดเลยเพราะมันเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่นักกีฬามืออาชีพหรือผู้ที่ออกกําลังเป็นชีวิตจิตใจ! ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วคุณจะแก้ปัญหานี้ได้

ทําไมเราถึงเข้าสู่ช่วงหยุดพัฒนา?ร่างกายคนเราจะเข้าสู่ช่วงหยุดพัฒนาได้เมื่อคุ้นชินกับความหนักหน่วงในการออกกำลังกายของเรา ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทําคือคุณต้องค่อย ๆ จัดการกับมัน แต่ห้ามผลีผลามเด็ดขาด มันอาจจะมาแบบที่คุณไม่รู้ตัวแต่แผนการกินเพื่อลดน้ำหนักอันเข้มงวดของคุณอาจไม่เห็นผลตามที่ตั้งใจไว้ และนั่นคือตอนที่ร่างกายของคุณพูดว่า "ไปต่อไม่ได้แล้ว!" แต่ก่อนที่คุณจะรู้สึกสูญเสียกำลังใจในการออกกําลังกายของคุณเราจะบอกวิธีการแบบตรงจุดที่จะช่วยให้คุณผ่านช่วงหยุดพัฒนานี้ไปได้ เพื่อกล้ามหน้าท้องหรือขาสุดกระชับที่คุณถวิลหา!

1. เปลี่ยนวิธีการออกกําลังกายของคุณ: ทุก ๆ 2 - 5 สัปดาห์คุณต้องเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายของคุณเพื่อให้ร่างกายได้ทำงานในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิดช่วงหยุดพัฒนาก็คือเมื่อ ร่างกายของคุณรู้สึกว่าการออกกําลังกายที่คุณทำมาในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือเป็นเดือน หรือมากกว่านั้นเป็นเรื่องสบาย ๆ งั้นก็ต้องจัดให้หนักกว่าเดิมแล้วล่ะ บอกเลย!

2. อย่าออกกำลังกายหักโหมเกินไป: อย่ากดดันตัวเองเวลาออกกำลังกายในเมื่อมันไม่ได้จําเป็นขนาดนั้น เมื่อคุณหักโหมเกินไปกล้ามเนื้อของคุณจะทำงานหนักกว่าที่จําเป็นซึ่งจะทําให้กล้ามเนื้ออักเสบได้ ให้ร่างกายของคุณได้พัก และซ่อมแซมตัวเองบ้างเพื่อจะได้ก้าวผ่านช่วงหยุดพัฒนาที่เกิดขึ้น อย่ารีบร้อน ใจเย็น ๆ นะ พี่ชาย!

3. ลดคาร์โบไฮเดรต: ช่วงหยุดพัฒนาที่เกิดขึ้นยังหมายความได้ว่าคุณไม่ได้ขยับเข้าใกล้ตัวเลขน้ำหนักที่คุณตั้งเป้าไว้เลย การรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำและลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตออกจากอาหารของคุณจะช่วยให้คุณเห็นผลได้เร็วขึ้น อย่าปรนเปรอตัวเองด้วยของกินกับความคิดที่ว่าออกกําลังกายหนักแล้วจะกินอะไรก็ได้ มันไม่ใช่เลย! นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณไปไม่ถึงเป้าหมายสักที เชื่อที่เราบอกเถอะ แล้วค่อยมาขอบคุณเราทีหลังก็ยังได้! 😉 ถ้ายังตามใจปากอยู่ล่ะก็ การลดน้ำหนักของคุณไปไม่ถึงฝั่งฝันแน่นอน ตั้งใจหน่อย สู้ ๆ #KeepUpTheBeastMode

4. หาเทรนเนอร์: ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายมานานแค่ไหนมันก็ยังมีบางเวลาที่คุณต้องการความช่วยเหลือ และมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย บอกกับตัวเองได้เลยว่า "ฉันต้องการความช่วยเหลือ มันถึงเวลาแล้ว" หลายคนต้องการเปลี่ยนวิธีการออกกําลังกาย แต่ไม่รู้เลยว่าควรจะต้องทำอย่างไรดี ดังนั้นเพื่อให้คุณหลุดพ้นจากความกังวลนี้คุณควรจะต้องมีผู้ช่วย เทรนเนอร์จะช่วยหาไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ มาให้กับการออกกําลังกายของคุณ #TrainHarderFasterBetterStronger

5. คุณกลายเป็นคนเฉื่อยชาในช่วงเวลาที่เหลือของวัน การที่คุณออกกำลังกายหนักไม่ได้หมายความว่าตลอดทั้งวันที่เหลือคุณจะนั่ง ๆ นอน ๆ อย่างเดียวได้นะ คุณต้องเข้าใจว่าในที่สุดร่างกายของคุณจะคุ้นเคยกับการไม่ถูกใช้งาน เพื่อรักษาระดับความฟิตของคุณคุณต้องคอยเตือนตัวเองไม่ให้นั่งเฉย ๆ ตลอดทั้งวัน อย่าเอาแต่นั่งดูเน็ตฟลิกซ์อย่างเดียวล่ะ #NetflixAndChill

6. ทำให้สม่ำเสมอ: สิ่งที่สําคัญที่สุดในการออกกําลังกายก็คือ 'ความสม่ำเสมอ' ทั้งนี้ทั้งนั้น วินัยในการออกกําลังกายก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่คุณควรมี คุณยังคงต้องดูแลเรื่องอาหารด้วย #SlayYourDietGoals มันเป็นเรื่องดีที่จะทำทั้งสองสิ่งนี้สลับไปมา การลดไขมันจะไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าคุณดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ วัน

7. เวลาในการพักฟื้นเป็นเรื่องจําเป็น: เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการออกกําลังกายของคุณคุณต้องปล่อยให้ร่างกายของคุณได้พักฟื้นเพื่อจะได้มีพลังในการออกกำลังกายในวันถัดไป เพราะถ้าคุณยังอ่อนล้าเกินไปจากการออกกําลังกายครั้งก่อนหน้านี้คุณก็จะไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ แล้วก็จะลดน้ำหนักไม่ได้ตามเป้าหมายเสียที การไม่หยุดให้ร่างกายได้พักฟื้นสุดท้ายจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน ดังนั้นก็จงกินให้ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนให้เพียงพอ ทำอย่างนี้วนไป #EatWorkoutSleepRepeat

ง่ายใช่ไหมล่ะ? เอาล่ะ งั้นตอนนี้ลองกลับไปอ่านข้อ 5 อีกสักครั้งแล้วลุกออกจากเก้าอี้เดี๋ยวนี้เลย ให้ไว!