หาคู่ที่ถูกใจ: รองเท้าวิ่ง vs รองเท้าเทรนนิ่ง
ถ้ามองด้วยตาเปล่า รองเท้ากีฬาคู่หนึ่งก็เป็นเพียงแค่รองเท้ากีฬา ใช่ไหม? ก็ไม่เชิงนะ! ถ้าคุณเล่นกีฬาเป็นประจํา คุณจะรู้ว่ารองเท้านั้นมีหลากหลายประเภทเพื่อให้เหมาะกับกิจกรรมและพื้นผิวต่าง ๆ สําหรับรองเท้าวิ่งและรองเท้าเทรนนิ่งก็เช่นกัน แม้ว่าบางทีทั้งสองประเภทจะมีลักษณะคล้ายกันก็ตาม ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอาจมีผลต่อวิธีในการออกกําลังกายของคุณ ประสิทธิภาพในการวิ่งของคุณ และแน่นอนการช่วยไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ครั้งต่อไปที่คุณไปช้อปปิ้งรองเท้าโปรดจําไว้ว่าแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ได้ผลิตรองเท้าที่แตกต่างกันออกมาเพียงเพื่อให้คุณซื้อหลายคู่ ยังมีเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมายว่าทําไมคุณอาจจะต้องการรองเท้าเพิ่มอีกสักคู่
ใครจะวิ่งบ้าง?รองเท้าวิ่งเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบหากคุณกําลังจะออกไปข้างนอก เพื่อไปวิ่งนะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าใช้วิ่ง! รองเท้าจึงถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเท้าที่สุดเพื่อการวิ่งบนถนนหรือบนลู่ โดยทั่วไปรองเท้าวิ่งสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีโดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า นี่เป็นเพราะว่าการลงน้ำหนักตัวเวลาวิ่งอาจส่งผลเสียต่อหัวเข่าและข้อเท้าของคุณ นอกจากนี้คุณยังจะพบว่ารองเท้าวิ่งจํานวนมากมีเทคโนโลยีที่จะช่วยระบายอากาศได้ดีขึ้นเวลาสวมใส่ – การลงน้ำหนักเวลาวิ่งสามารถทำให้เท้าของคุณรู้สึกร้อนและอึดอัดได้เช่นกัน #theheatison
เทรนหลาย ๆ แบบ คุณน่าจะชอบหากคุณไม่ได้สนใจเรื่องการวิ่งสักเท่าไรและมุ่งเน้นไปที่การออกกําลังกายรูปแบบอื่น รองเท้าเทรนนิ่ง (crosstrainers) น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ รองเท้าประเภทนี้เหมาะมากสำหรับเวทเทรนนิ่งหรือเพื่อเข้าคลาสออกกําลังกายต่าง ๆ ง่าย ๆ ก็คือมันเหมาะสำหรับทุกอย่างที่คุณชอบทำเวลาไปเข้ายิมนั่นแหละ เทคโนโลยีที่ใช้ออกแบบรองเท้าประเภทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวหลายทิศทาง ความมั่นคง และค่อนข้างแข็งแรงมาก เหมือนกับตาชั่งนั่นแหละที่น้ำหนักทั้งหมดต้องมีความสมดุลกัน (นึกภาพออกไหม?)! นั่นหมายความว่ามันสามารถใช้งานได้หลากหลายสําหรับการออกกําลังกายที่แตกต่างกันตามแบบที่คุณต้องการทํา - ตั้งแต่ยกเวทไปจนถึงกระโดดเชือกเลย
ลงเท้าผิดข้างการสวมรองเท้าที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อกิจกรรมนั้น ๆอาจดูไม่เหมือนเป็นปัญหาใหญ่อะไร แต่อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายเวลาสวมใส่ และแย่กว่านั้นคือทําให้เกิดการบาดเจ็บ ตัวอย่างเช่นการลดการกระแทกใน รองเท้าวิ่งส่งผลให้ความมั่นคงของเท้าน้อยลงเมื่อคุณทําท่า squat หรือ deadlift และคุณก็คงไม่อยากจะเอารองเท้าเทรนนิ่งไปใส่วิ่งเนื่องจากมีน้ำหนักที่หนักกว่า รองเท้าวิ่งทุกวันนี้ยังมีแนวโน้มที่จะถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาลง – น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็มีแต่จะรั้งคุณไว้ถ้าสิ่งที่คุณต้องการจะทําคือการวิ่ง เอ้า ฟอร์เรสท์ วิ่ง!
รองเท้าเหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อการเดินแล้วทั้งหมดที่กล่าวมามีผลอย่างไรกับกิจกรรมที่หนักหน่วงน้อยลงและต้องใช้ความอึดมากขึ้น เช่นการเดิน? ขึ้นอยู่กับว่าคุณเดินบ่อยแค่ไหน แล้วค่อยมาพิจารณาว่ารองเท้าแบบใดน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสําหรับคุณ รองเท้าวิ่งถูกออกแบบมาให้ใช้ได้นาน แต่ส่วนพื้นกันกระแทกจะสึกหรอไปในที่สุด ดังนั้นยิ่งคุณเดินบ่อยมากเท่าไรพื้นรองเท้าก็จะยิ่งสึกหรอเร็วมากเท่านั้น หากคุณต้องการตัวเลือกที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวให้เลือกรองเท้าเทรนนิ่งเพื่อใช้เดินน่าจะเหมาะกว่า มันอาจจะหนักกว่าแต่แทบจะไม่รู้สึกเลยหากไม่ได้ออกแรงวิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกําลังเดิน (หรือวิ่ง) บนลู่วิ่ง – ลู่วิ่งเหล่านี้มักจะมีระบบรองรับแรงกระแทกอยู่แล้ว ยิ่งง่ายเลยสำหรับการเดินโดยไม่ต้องใช้รองเท้าวิ่ง
หาคู่ที่ใช่สักคู่จนถึงตอนนี้ก็หวังว่าคุณจะตัดสินใจได้แล้วว่ารองเท้าประเภทใดที่คุณต้องการ สั้น ๆ เลย ถ้าคุณจะทำกิจกรรมที่หลากหลายเวลาเข้ายิมให้เลือกใช้รองเท้าเทรนนิ่ง แต่ถ้าคุณคิดว่าน่าจะวิ่งเป็นหลักก็ควรเลือกที่จะถนอมเข่าด้วยการใช้รองเท้าวิ่ง ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไรอย่าลืมเปรียบเทียบสินค้า แต่ละแบรนด์ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันในการผลิตรองเท้า คุณต้องแน่ใจว่าคู่ที่คุณเลือกไม่ใช่แค่ใส่พอดีแต่ต้องเหมาะกับการใช้งานจริงของคุณด้วย